Translate

Sunday, June 16, 2013

type of sentence

สวัสดีค่ะนักเรียนที่น่ารักทุกคน วันนี้เรามาต่อกันด้วยเรื่องของประโยคกันนะคะ

Type of Sentence แบ่งออกเป็น 4 แบบดังนี้
1. Simple sentence คือ ประโยคเดี่ยวพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วย 1 อนุประโยค (clause)

Sentence = 1 Independent Clause

Example: The boy was happy. (1 clause)

..........................................................................................................

2. Compound Sentence คือ ประโยคผสม ซึ่งเป็นการผสมรวมกันของอนุประโยคเดี่ยวตั้งแต่ 2 อนุประโยคเชื่อมต่อกัน โดย Co-ordinating Conjunctions เช่น พวก FANBOYS
** F = For
    A = And
    N = Nor
    B = But
    O = Or
    Y = Yet
    S = So

Sentence = Independent Clause + Independent Clause

Example: I went home because I was tired. ( 1 Ind + 1 Dep)

                  ..........................................................................................................

3. Complex Sentence ประโยคความซ้อน ซึ่งเป็นการซ้อนรวมกันของ 1อนุประโยคเดี่ยวซึ่งทำหน้าที่เป็น Main Clause กับอนุประโยคซ้อน ตั้งแต่ 1 ขึ้นไป ที่ทำหน้าที่เป็น Subordinate Clause ในการอธิบายความของประโยค Main Clause ปกติประโยคประเภทนี้จะเชื่อมต่อกันโดย Subordinate Conjunctions (เช่น if, that, because, so that, although, as, before, Relative Pronouns ทั้งหลาย เช่น Who, Whom, Which,…)

Sentence = Independent Clause + Dependent Clause

Example: I went home because I was tired. ( 1 Ind + 1 Dep)

 ..........................................................................................................

4. Compound-Complex Sentence ประโยคผสม ประโยคความซ้อน เป็นการผสมรวมกันของอนุประโยคเดี่ยวตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไป ซึ่งทำหน้าที่เป็น Main Clause ทั้ง 2 อนุประโยค ทั้งยังมีการแทรกโดยอนุประโยคซ้อน ตั้งแต่1 ขึ้นไปอีกทีที่ทำหน้าที่เป็น Subordinate Clause ในการอธิบายความของประโยค Main Clause

Sentence = Independent Clause + Independent Clause + Dependent Clause + ...

Example: As soon as I arrived I met my friend and he told me where he was going.
            (1 Dep + 1 Ind + 1 Ind + 1 Dep)

* Dep = Dependent Clauses
* Ind = Independent Clauses

 ..........................................................................................................

สรุป Sentence
1.   Simple Sentence คือ ประโยคธรรมดาทั่วไป
2.   Compound Sentence คือ ประโยค Simple Sentence 2 ประโยคมาเชื่อมรวมกัน
3.   Complex Sentence คือ ประโยคที่มีอย่างน้อย 1 ประโยคทำหน้าที่เป็นประโยคใจความหลัก และมีอีก 1 ประโยคทำหน้าที่เป็นประโยคใจความรอง
4.   Compound - Complex Sentence คือ Compound Sentence ผสมกับ Complex Sentence นั่นเอง




Sunday, March 31, 2013

Part of Speech






            สวัสดีค่ะนักเรียนที่น่ารักทุกคน...... วันนี้ English Online by Kru Ninew จะมาพูดถึงเรื่อง หัวใจ ของการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งหัวใจดวงนี้ถือว่าเป็นสิ่งมี่สำคัญมาก หากนักเรียนไม่รู้จักหัวใจดวงนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากนะคะ ที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ........หัวใจที่กล่าวถึง ก็คือ Part of Speech นั่นเองค่ะ ............ เรามาเริ่มทำความรู้จักกันเลยนะคะ^^

Part of Speech  หมายถึง ส่วนต่างๆของคำหรือชนิดของคำในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันไปในประโยค ชนิดของคำ แบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังต่อไปนี้


1. คำนาม ( noun) คือ คำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ และนามธรรม แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ คำนามทั่วไปและคำนามเฉพาะ คำนามที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม คำนามนับได้และนับไม่ได้ และคำนามที่กล่าวถึงสิ่งต่าง ๆ ในลักษณะที่เป็นกลุ่ม
- คน เช่น man , woman , boy , girl , etc...
- สัตว์ เช่น dog , cat , bird , duck , etc...
- สิ่งของ เช่น house , temple, school, table , book , etc...
- สภาวะต่างๆ เช่น goodness, happiness, sadness, cheerfulness , etc...     
                                            
2. คำสรรพนาม ( pronoun) คือ คำที่ใช้แทนคำนามและข้อความที่กล่าวถึงมาแล้วหรือกำลังจะกล่าวต่อไป เพื่อจะได้ไม่ต้องกล่าวซ้ำ แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ คำสรรพนามที่ใช้แทนบุคคล คำสรรพนามที่แสดงการชี้เฉพาะ คำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยคย่อยไม่อิสระเข้ากับคำนามหรือสรรพนามอื่นที่ ต้องการขยาย คำสรรพนามที่ใช้เมื่อประธานและกรรมเป็นคนเดียวกันหรือสิ่งเดียวกัน คำสรรพนามที่ใช้ในการถามคำถาม และคำสรรพนามที่ใช้แสดงว่าบุคคลหรือสิ่งนั้นกระทำหรือรู้สึกเช่นเดียวกัน
I = ฉัน, ผม
You = คุณ, พวกคุณ
We = พวกผม, พวกเรา
They = พวกเขา
He = เขา
She = เธอ, หล่อน
It = มัน (สิ่งของ), สัตว์

3. คำกริยา ( verb) คือ คำที่แสดงอาการ การกระทำ หรือบอกสภาพของประธานของประโยค แบ่งออกเป็นคำกริยาแท้หรือคำกริยาหลักและคำกริยาช่วย เช่น (to) be, have, do, like, work, sing, can, must
That boy smiles. : เด็กผู้ชายคนนั้นยิ้ม

4.  คำคุณศัพท์ ( adjective) คือ คำที่ใช้ขยาย บรรยาย หรือประกอบคำนามหรือสรรพนามให้มีความหมายชัดเจนขึ้น เช่น a/an, the, some, good, big, red, well, interesting ฯลฯ
He has a blue car. : เขามีรถสน้ำเงินหนึ่งคัน
The thin boy is coming. : เด็กผู้ชายผอมกำลังมา

5.  คำกริยาวิเศษณ์ ( adverb) คือ คำที่ใช้ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ คำกริยาวิเศษณ์อื่น หรือประโยค
แบ่งออกเป็นคำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ บอกสถานที่ บอกเวลา บอกระดับ บอกความถี่ เน้นคำหรือข้อความ บอกทัศนคติ และเชื่อมความ เช่น quickly, silently, well, badly, very, really ฯลฯ
He walks very carefully. : เขาเดินอย่างระมัดระวัง
They work slowly. : พวกเขาทำงานช้า

6.  คำบุพบท ( preposition)  คือ คำเชื่อมประเภทหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคำนาม กลุ่มคำนาม หรือคำสรรพนามที่ตามหลังมีความสัมพันธ์กับส่วนอื่น ๆ ในประโยคอย่างไร เช่น to, at, after, on, but ฯลฯ
A cat is on the tree. : แมวตัวหนึ่งอยู่บนต้นไม้
He will go with me. : เขาจะไปกับฉัน

7.  คำสันธาน ( conjunction) คือ คำที่ใช้เชื่อมความ กล่าวคือ เชื่อมคำ กลุ่มคำ หรือประโยคที่มีใจความสมบูรณ์เข้าด้วยกัน หรือเชื่อมประโยคย่อยไม่อิสระ/ประโยคใจความรองเข้ากับประโยคย่อย อิสระ/ประโยคใจความหลัก เช่น and, but, when ฯลฯ
He and I are friends. : เขากับฉันเป็นเพื่อนกัน
He was eat , when I came here. : เขากินข้าวเสร็จแล้วเมื่อฉันมาถึง

8.  คำอุทาน ( interjection) คือ คำที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย มักใช้ในภาษาพูด ถ้าเป็นการเขียน มักมีเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) กำกับอยู่ด้วย อาจเป็นคำเพียงคำเดียวหรือสองคำที่อุทานออกมาหรืออาจขึ้นต้นประโยคก็ได้ oh!, ouch!, hi! ฯลฯ
Oh my god! I forgot it. : ตายจริง! (พระเจ้าช่วย!) ฉันลืมมันไปเลย
Oop! I did it again.  :  อุ๊บ! ฉันทำมันอีกแล้ว


หากใครยังไม่เข้าใจลองมาชมคลิปกันต่อนะคะ


เป็นยังไงกันบ้างคะเด็กๆ คงจะรู้จักเจ้าหัวใจดวงนี้กันบ้างแล้ว ต่อไปลองมาทำแบบฝึกหัดกันดูนะคะ



Do the exercises below on parts of speech and click on the button to check your answers.

(Before doing the exercises you may want to read the lesson on parts of speech )

Decide which parts of speech are the underlined words

  1. You have to believe in yourself if you ever expect to be successful at something. 
  2. We left for the mountain just before six in the morning. 
  3. We first went to the store to buy a few things. 
  4. We had a breakfast at a café near the rail station. 
  5. My friend wasn't strong enough to lift his heavy rucksack. 
  6. I helped him carry it
  7. The weather was very cold. 
  8. My friend said, "Oh! What a cold weather!" 
  9. We didn't spend the night there
  10. We got back home late at night but we didn't go to sleep immediately. We were very hungry. 

แล้วพบกันใหม่ในบทเรียนหน้านะคะ^^

ที่มา :   
เนื้อหา         http://erinandadrianne.blogspot.com/2013/02/parts-of-speech-jeopardy.html
                    http://www.englishclub.com/grammar/parts-of-speech_1.htm
ภาพ             http://eduvc.oas.psu.ac.th/
แบบฝึกหัด  http://www.myenglishpages.com/site_php_files/grammar-exercise-parts-of-speech.php